BTSG มุ่งมั่นกลยุทธ์ 3M : MOVE, MIX, MATCH แจ้งตลาดฯไม่สนใจลงทุนไทย สมายล์ บัส และชนะคดีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1-2
บีทีเอส กรุ๊ปฯ จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567
นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหาร นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมด้วยกรรมการ และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ (BTSG) จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ณ ชั้น 6 โรงแรมอีสติน แกรนด์ พญาไท เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา
การจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในครั้งนี้เป็นปัจจัยสำคัญของการดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ และโปร่งใส (Good Corporate Governance) โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ เป็นกลุ่มบริษัทที่ประกอบธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม และมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ผ่านการร่วมพัฒนาชุมชน สังคม และตระหนักถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้บีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้รับการรับรองมาตรฐานการดำเนินงานเป็นที่ยอมรับ และได้รับรางวัลจากทั้งในระดับประเทศ และสากลอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของบริษัทฯ ที่ได้รับการติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นปีที่ 6 และได้รับการประกาศให้เป็นบริษัทด้านธุรกิจคมนาคมที่มีความยั่งยืนอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน
โดยถือเป็นบริษัทในกลุ่มผู้นำ 1% แรกของกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคม และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม (กลุ่ม TRA) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M : MOVE, MIX และ MATCH ในกรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ข่าวเกี่ยวกับความสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า ตามที่ปรากฏข่าวสื่อมวลชนเกี่ยวกับความสนใจเข้าลงทุนในธุรกิจรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า ไทย สมายล์ บัส นั้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มบริษัทไม่มีแผนหรือความสนใจ ในการเข้าลงทุนในธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด
ล่าสุด ได้แจ้งถึงผลคําพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15กรกฎาคม 2564 บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จํากด (มหาชน) (บีทีเอสซี) ซึ่งเป็ นบริษัทย่อยของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากด (มหาชน) (บริษัทฯ) ได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานคร และบริษัท กรุงเทพธนาคม จํากัด (ผู้ถูกฟ้องคดี) ต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้ผู้ถูกฟ้องคดีชําระหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบํารุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1และส่วนต่อขยายที่ 2
และต่อมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2565 ศาลปกครองกลางมีคําพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกัน หรือ แทนกันชําระหนี้ดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสําหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) บวกร้อยละ 1 ต่อปี ให้แก่บีทีเอสซีให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ซึ่งคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ยื่นอุทธรณ์คําพิพากษาดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดนั้น บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันนี้ (วันที่ 26 กรกฎาคม 2567) ศาลปกครองสูงสุดได้อ่านคําพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกนชําระเงินสําหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบํารุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1และส่วนต่อขยายที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยสําหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา ( MLR) บวกร้อยละ 1 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นไปจนกว่าจะชําระเสร็จสิ้นให้แก่บีทีเอสซี ผู้ฟ้องคดี นอกจากนี้ ให้เป็นไปตามคําพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น