หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
May
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน At The Open
 
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
 
Market Summary
          เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายทำกำไร โดยมีแรงขายเด่นในกลุ่มโรงกลั่น นำโดย TOP, IRPC, SPRC, ESSO อย่างไรก็ตามกลุ่ม ICT ยังมีแรงซื้อต่อเนื่อง นำโดย DTAC, TRUE, ADVANC, INTUCH ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,718.8 จุด (-9.1 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท (จากวันก่อนที่ 5.3 หมื่นล้านบาท) 
          นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยที่ 682 ลบ. (สถาบันขายสุทธิ 3,354 ลบ.) และเปิดสถานะ Long SET50 index future สุทธิที่ 6,733 สัญญา
 
Stock Picks & Trading Idea
          SABINA (Buy @36.0bt) : เราเริ่มต้นวิเคราะห์ SABINA ด้วยคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 36 บาท โดยประเมินกำไรใน 3 ปีข้างหน้าเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 15% ต่อปี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของทั้งยอดขายและอัตรากำไรจากการมี Product winner และการขายทางออนไลน์เติบโตอย่างมีนัยยะ อีกทั้งต้นทุนลดลงจากการจ้างผลิตสินค้าจากจีนมากขึ้น ฐานะการเงินเป็นเงินสดสุทธิ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4-5% และ ROE สูงสุดในกลุ่มประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ภายใต้สมมติฐาน WACC 7.0% และ Terminal growth 2% ได้มูลค่าพื้นฐานในกลางปี 2563 เท่ากับ 12,495 ล้านบาท คิดเป็น 36 บาท/หุ้น ซึ่งเทียบเท่า PE 28.7 เท่า สำหรับกำไรเฉลี่ยของปี 2562-2563 โดยคิดเป็น Average PE -1.5 SD 
 
Investment Theme
          ระมัดระวังแรงขายทำกำไรกลุ่ม DCF นำโดยโรงไฟฟ้า : หากนับจากช่วงการประชุม FOMC ในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนมุมมอง Hawkish ที่ลดลง และต่อเนื่องมาถึงในเดือนมิถุนายนที่เริ่ม Dovish มากขึ้น สะท้อนผ่าน Dotplot ของโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐที่สูงขึ้นเรื่อยๆ (จากก่อนหน้าเดือนมีนาคมที่เดิมคาดว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ย 1-2 ครั้งในปีนี้) ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเริ่มเห็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของประเทศฝั่งเอเชีย นำโดย อินเดีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซียและอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็นหนึ่งในเหตุผลสนับสนุนให้มีแรงเก็งกำไรในกลุ่มที่คาดได้ประโยชน์จากการปรับลดดอกเบี้ยในประเทศ นั่นคือ โรงไฟฟ้า, กองทุนอสังหาฯและโครงสร้างพื้นฐาน (เฉลี่ยประมาณ 20%) อย่างไรก็ตามภายหลังจากการที่ธปท.เริ่มออกมาตรการสกัดการเก็งกำไรค่าเงินบาท (ปรับลดวงเงินส่วน NRBA เหลือ 200 ลบ.) อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของประเทศไทยที่ปัจจุบันอยู่ต่ำเพียง 0.88% เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ 1.80-4.1% ฉะนั้นประเมินว่าการลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้ส่งผลมากนัก จากเหตุดังกล่าวเสมือนเป็นการปิดประตูลดอัตราดอกเบี้ยไทยในระยะสั้นออกไป ฉะนั้นในระยะสั้นแนะนักลงทุนระมัดระวังแรงขายทำกำไรจากกลุ่มดังกล่าว
          Investment Theme : ประเมินว่า SET จะกลับมาแกว่งในกรอบ SET จะพักฐานในกรอบ 1,690-1,750 จุด (PER19 ที่บริเวณ 16.4x หรือคิดเป็นประมาณ 1.25SD ) และในระยะกลางคงมุมมองบวกอ่อน ๆ พร้อมประเมินว่า SET จะสามารถกลับขึ้นไปซื้อขายเหนือ 1.5SD หรือกรอบ 1,750-1,800 จุด ยังคงแนะสะสม PTTEP, CPALL, S 
 
Big Issue
 
เมื่อคืนที่ผ่านมา :  
          ผู้ว่าธปท.เตรียมหารือรมว.คลัง 3ประเด็น นำโดย 1)ทิศทางเงินเฟ้อ 2) เป้า GDP และ 3) เสถียรภาพการเงินในประเทศ 
 
Eyes on
 
ปัจจัยต่างประเทศ :
          - สหรัฐและอิหร่านมีโอกาสกลับมาพูดคุยกันอีกครั้ง
 
ปัจจัยในประเทศ :
          - เข้าสู่ช่วงการทยอยประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์
          - 25 ก.ค. รัฐบาลเตรียมแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
          - ระมัดระวังการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้า
 
Technical View
 
SET 
          แนวรับ : 1700, 1715 
          แนวต้าน : 1730, 1740
 
          SET Index : หากหลุด 1715 มีโอกาสฟอร์ม Double Top ดัชนีปรับตัวงจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารและวัสดุก่อสร้าง ทำให้ขณะนี้มีโอกาสฟอร์มการกลับตัวลงแบบ Double Top ซึ่งมีแนวรับ Neckline ที่ 1715 หากหลุดจะคอนเฟิร์มการกลับตัวลงแบบ Double Top ซึ่งจะทำให้ Downside เปิด โดย Target ของการปรับตัวลงมองบริเวณแนวรับ Gap ที่ 1680-1690 ฉะนั้นหากหลุด 1715 แนะนำ Stop Loss
 
กลยุทธ์การลงทุน
          มีหุ้น: หลุดแนวรับ 1715 แนะนำ Stop Loss เพราะ Downside จะเปิดมากขึ้น แต่หากยังมีหุ้นจังหวะ Rebound ยังเน้นขายเพื่อลดพอร์ต
          ไม่มีหุ้น: รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1715 ว่ามีแรง Rebound หรือไม่ หากมีอาจใช้เป็นจังหวะเล่น Rebound สั้นๆ
 
Tiger Picks : 
 
          TASCO  : ซื้อ
          แนวรับ : 20.30-20.80
          แนวต้าน : 21.40/22.0
          ตัดขาดทุน : 20.20
 
          SPALI : ซื้อ
          แนวรับ : 22.80-23.30
          แนวต้าน : 24.00/24.70
          ตัดขาดทุน : 23.50
 
ข่าว เด่น พร้อมคำแนะนำ 
 
BCH
          แพนิคเกินเหตุนพ.เฉลิมชี้ครึ่งหลังพีค (ทันหุ้น)
          ความเห็น : ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านลดลงจากกังวลผลประกอบการของ WMC ในช่วง 2Q62 อย่างไรก็ตามเรายังคาดว่า BCH จะมีกำไรหลัก (core profit) เติบโตอยู่ใน 2Q62  และแนะนำทยอยสะสมหุ้น เพื่อรอการฟื้นตัวของกำไรใน 3Q62 ที่น่าจะดีขึ้นจาก รายได้ประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น และการย้ายศูนย์เบาหวานของ WMC มาที่ชั้น 1 เพื่อให้ผู้ป่วยชาวตะวันออกมีความสะดวกในการใช้บริการมากขึ้น แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 19 บาท
 
BJC
          ปูพรมมินิบิ๊กซี CLMV    (ทันหุ้น)
          ความเห็น : การขยายสาขาใน CLMV คาดยังไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยยะ แต่สร้างโอกาสเติบโตระยะยาว  โดยจะเปิดสาขาบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ตสาขาแรกที่กัมพูชาใน 3Q62 คาดกำไรของ BJC มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นใน 2H62 จากการผลิตกระป๋องให้ลูกค้ารายใหม่ส่งผลให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัว แนะนำ ซื้อ เป้าหมาย 64 บาท
 
GFPT
          ส่งออกไก่ขยายตัว ตลาดจีน-ยุโรปดัน (ทันหุ้น)
          ความเห็น : คาดการส่งออกไก่ 2Q62 เพิ่มขึ้นกว่า 20% YoY จากการส่งออกจีนเพิ่มขึ้น ช่วยสนับสนุนกำไรเติบโตราว 40% YoY อีกทั้งได้ผลบวกจากราคาไก่ฟื้นตัวและต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ลดลง แนะนำ Trading Buy ราคาเป้าหมาย 18.50 บาท
 
UNIQ
          ดึงต่างชาติประมูลงานดันปั๊มแบ็กล็อก-รายได้เพิ่ม  (ทันหุ้น)
          ความเห็น : UNIQ เหลือ Backlog ประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาท รองรับรายได้เกือบ 3 ปี  และ คาดรัฐบาลใหม่จะยังผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ คือ รถไฟฟ้าสายสีต่างๆ รถไฟทางคู่ อย่างต่อเนื่อง จะช่วยเพิ่มงานให้ UNIQ ในอนาคต แต่ก็มีประเด็นความเสี่ยงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ  ราคาหุ้นปรับขึ้นมานับจากต้นปี 16%YTD  แนะนำ TRADING BUY ในช่วงอ่อนตัว ประเมินราคาเป้าหมาย 14.20 บาท
 
          นักวิเคราะห์ : สรพล วีระเมธีกุล / วิจิตร อารยะพิศิษฐ 
          Research Department Tel. 02-658-5000
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!