หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
FSS
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Selective / Short-Term Sell into Strength
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index อ่อนตัวตามคาด เป็นไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค จากความกังวลสงครามการค้าที่กลับมาใหม่ ซึ่งทำให้กลุ่มปิโตรเคมีนำลง รวมถึงกลุ่ม REIT/IFF ที่ถูกขายต่อ ดัชนีปิดที่ระดับเกือบต่ำสุดของวันที่ 1,718.85 จุด -9.13 จุด สถาบันในประเทศขายเป็นวันที่ 3 อีก 3.35 พันลบ. (และ short Index Futures เพิ่มเป็น 5 พันสัญญา) นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อต่อแต่เบาบางลงเหลือ 682 ลบ. (long Index Futures เพิ่มเป็น 6.8 พันสัญญาและยังคงขายบอนด์) 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index มีแนวโน้มอ่อนตัวต่อ ความกังวลเรื่องสงครามการค้ากลับมาใหม่ Beige Book ของเฟดเมื่อคืนนี้ระบุว่าเศรษฐกิจขยายตัวเล็กน้อยและภาคธุรกิจกังวลเรื่องสงครามการค้า ขณะที่กลุ่มพลังงานยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ขยับลงอีก 1% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดน้อยกว่าคาด กลุ่มปิโตรเคมีถูกกดดันจากประเด็นสงครามการค้าและกำไร 2Q19 ที่ยังอ่อนแอ จับตากลุ่มแบงก์ในช่วง 2 วันนี้ กำไรมีโอกาสดีกว่าคาดเพราะลดสำรอง จะช่วยบรรยากาศการลงทุนได้บ้าง 
          กลยุทธ์ : เลือกเป็นรายตัวมากขึ้นโดยเฉพาะหุ้นที่คาดกำไรดี และแบ่งขายทำกำไรระยะสั้นบางส่วนเมื่อตลาดปรับขึ้น 
          หุ้นเด่นเดือน ก.ค. :  ICHI, KKP, MINT, PTTGC, SEAFCO
 
หุ้นเด่นวันนี้: TACC
          - แนะนำซื้อ ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 บาทจากเดิม 5 บาท 
          - แนวโน้มกำไร 2Q19 ดีกว่าที่เคยคาด น่าจะทำ new high ที่ 38 ลบ. +81% Y-Y และ +15% Q-Q ทำให้กำไรครึ่งปีแรก +92% Y-Y เพราะอากาศร้อนหนุนยอดขายของเครื่องดื่มแทบทุกช่องทาง รับรู้รายได้โถกด Hershey's เต็มไตรมาส และยอดส่งออกที่กัมพูชาโตต่อเนื่อง   
          - เราปรับกำไรปีนี้ขึ้น 20% เป็น 143 ลบ. +109% Y-Y จากแนวโน้มที่ดีต่อใน 2H19 จากเครื่องดื่มรสชาติใหม่ ธุรกิจ Character มีแนวโน้มได้ลูกค้าเพิ่มและมีงาน Event ใหญ่ปลายปี และ TACC มีโอกาสขยายไปต่างประเทศพร้อม 7-11
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$66ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$63ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$22ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคตลาดหันความสนใจไปที่การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนซึ่งมีกระแสข่าวว่าสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีจากจีนเพิ่มเติมอีกและภายหลังการพบปะหลังการประชุม G20 ทั้งคู่ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (0) คาด กนง.ลดดอกเบี้ยอย่างเร็วปลายปี วันนี้ธนาคารกลางเกาหลีใต้และอินโดนีเซียประชุม ตลาดคาดลดดอกเบี้ย 0.25% ทั้ง 2 แห่งเพื่อกระตุ้นศก. เราเชื่อว่าไม่เป็นแรงกดดันให้ กนง.ต้องลดดอกเบี้ยเร็วๆนี้ อย่างเร็วน่าจะเป็นปลายปีเพราะมีมาตรการอื่นดูแลค่าเงินบาทและรอมาตรการกระตุ้นศก.ของรัฐบาลก่อน  
          (-) DELTA กำไรดูอ่อนแอมากขึ้น เราคาดกำไรสุทธิ 2Q19 ที่ 860 ลบ. -21% Q-Q, -38% Y-Y ถ้าไม่รวม Employee benefit เป็นกำไรปกติ 977 ลบ. -12% Q-Q, -25% Y-Y จากอัตรากำไรขั้นต้นที่น่าจะลดลงต่ำสุดในรอบ 12 ปีที่ 21.2% ซึ่งเป็นผลจาก Trade war บาทแข็ง ประสิทธิภาพการผลิตลดลง เราปรับกำไรปีนี้ลง 19% เหลือ 4,544 ลบ. -9% Y-Y ลดราคาเป้าหมายเป็น 62 บาทจากเดิม 77 บาท คงคำแนะนำถือเพราะคาดหวังกำไรฟื้นใน 2H19  
          (0) STEC เราคาดกำไรปกติ 2Q19 ชะลอชั่วคราวจากการเร่งรับรู้งานที่ไม่มีกำไรอย่างรัฐสภา ทำให้คาดกำไร 370 ลบ. -5% Q-Q แต่ยังโตดี +21% Y-Y จากรายได้ก่อสร้างที่ทรงตัวสูง Backlog สิ้น 1Q19 ยังแข็งแกร่ง 9.8 หมื่นลบ.และอยู่ระหว่างร่วมประมูลงานอีกกว่า 3 แสนลบ. แต่ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจน upside เหลือต่ำกว่า 10% จากราคาเป้าหมาย 28.50 บาท ลดคำแนะนำเป็นถือ
          (0) JKN ราคาหุ้นที่ปรับลงแรงวานนี้น่าจะมาจากกำไร 2Q19 ที่เราคาด -8% Q-Q, +9% Y-Y เป็น 74 ลบ. แนวโน้ม 2H19 น่าจะชะลอเพราะลูกค้าทีวีดิจิตอลหลายช่องคืนช่อง ส่วน JKN CNBC คาดสร้างรายได้ 3-5% ของรายได้รวมและกำไรเล็กน้อย เรายังคาดกำไรทั้งปี +18%Y-Y เป็น 268 ลบ. ราคาหุ้นปรับลงจนเริ่มมี upside จากเป้าพื้นฐานที่ 9 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็นถือ จากขาย 
          (+) EPG เราคาดกำไร 1Q20 (เม.ย.-มิ.ย.) 202 ลบ. +80% Q-Q ฟื้นเป็นไตรมาสแรกในรอบ 4 ไตรมาสจากการฟื้นตัวของธุรกิจ EPP ที่รับรู้ต้นทุนเม็ดพลาสติกใหม่ที่ถูกลงและเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์การขาย แนวโน้มกำไรจะฟื้นต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีจากการเน้นลดต้นทุนและรายจ่าย เรายังคงคาดกำไรปีนี้จะขยายตัวเป็นปีแรกหลังหดตัวติดต่อกัน 2 ปี คงราคาเป้าหมาย 8.50 บาท แนะนำซื้อ
 
          (-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 115.78 จุด ปิดที่ 27,219.85 จุด ถูกกดกันจากการปรับลงของหุ้นกลุ่มขนส่ง หลังจากบริษัทซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่อ่อนแอ รวมถึงรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดเกี่ยวกับภาคเอกชนที่ยังกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจะลุกลามมายังทวีปยุโรป รวมถึงการปรับลงของหุ้นกลุ่มน้ำมัน
          (-) ตลาดเอเชียปรับลง จากความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ และนักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานตัวเลขการจ้างงานของออสเตรเลีบ
          (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.88 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
          (-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 84 เซนต์ ปิดที่ 56.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา 
          (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 12.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,423.30 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 803.18/+3.81 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
18 ก.ค.   - ไทย: ยอดขายรถ (มิ.ย.)
          - เกาหลีใต้: ธนาคารกลางประชุม
          - อินโดนีเซีย: ธนาคารกลางประชุม
22 ก.ค.   - ไทย: ยอดส่งออก-นำเข้า (มิ.ย.)
24 ก.ค.   - ยูโรโซน: Markit Eurozone Composite PMI (มิ.ย.)
25 ก.ค.   - ไทย: รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
          - ยูโรโซน: ECB ประชุม
26 ก.ค.   - สหรัฐ: GDP 2Q19
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!