หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
BLS
บล. บัวหลวง: บทวิเคราะห์รายละเอียดวัน
 รอบด้านตลาดหุ้น
ภาพตลาดและแนวโน้ม
สรุปตลาดและ Outlook    
          เมื่อวานนี้ดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นผู้บริโภค: ตลาดยังคงมีอยู่ให้เห็นอย่างชัดเจน - แรงขายยังคงกระจัดกระจายอยู่ในกลุ่มปิคนิคโรงกลั่นน้ำมันและแรงซื้อ แต่กลุ่มในประเทศ แน่นเมื่อวานนี้ BGRIM GPSC GULF, CBG OSP และ AWC ส่วนหุ้นกลาง - เล็กบวกแรง ICHI AMANAH BEC ECL ขณะที่ GFPT ลดลงจากไฟไหม้ห้องที่ใกล้เคียง วันและ Ea rnings warningchain 3Q19 รอบนี้จะแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้จากผลที่ได้ "บาทแข็ง"  
          วันนี้คาดว่าจะแกว่งในกรอบ: 1628-1640 จุดภาพการลงทุนหุ้นไทยยังคงมีการโจมตีเกาะกระแสหุ้นและการป้องกันในขณะที่ความวิตกกังวลเศรษฐกิจโลก ออก  
          โดยมีส่วนร่วมในต่างประเทศมากไม่ได้มีผลกระทบต่อหุ้นไทยตามที่เราคาดการณ์ไว้ในรายงานประจำสัปดาห์ ... Brexit, การพักรบ, ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจะมีข่าวแบบไหนดีขึ้น / แย่ลง ส่วนที่เหลือจะขึ้นต่อไปและยังคงลงไปและการลงของราคาหุ้นตัวเองขึ้นอยู่กับตัวเร่งปฏิกิริยาของหุ้นตัวเองไม่ได้เกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อน "ความเสี่ยง / ปิดความเสี่ยง" ของตลาดเลยค่ะกลยุทธ์ ยังคงแนะนำให้เลือกเล่นหุ้นตาม Theme การลงทุนที เราแนะนำไว้ก่อนหน้าต่อไป (11 ตัวเช่นเสือ, หุ้นรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังเป็นต้น)     
สิ่งที่น่าจับตามอง
          (*/-) วิตกมาตรฐานบัญชีใหม่ TAS32 กระทบ บจ.ที่ออกตราสารหนี้ หุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (perpetual bond) ว่าจะถูกจัดประเภทใหม่จากตราสารทุน มาเป็น หนี้ในงบดุล ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มสูงขึ้น / ประเด็นนี้ยังไม่เป็นที่สรุป โดย บจ.และนักบัญชี กำลังศึกษาเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้    
          (0) นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยบรรลุข้อตกลง Brexit แล้ว โดยได้ทวีตข้อความเกี่ยวกับข้อตกลงใหม่ที่เยี่ยมยอด ขณะที่นายฌอง คล้อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปก็กล่าวด้วยว่า ได้มีการบรรลุข้อตกลงแล้ว (ที่มา อินโฟเควสท์) / วันเสาร์ จะมีแถลงรายละเอียด
หุ้นแนะนำวันนี้
          BCPG แนวรับ 18.5 ต้าน 19/19.2 Stop loss 18  
          PSL แนวรับ 8.8 ต้าน 9.5 stop loss 8.5
          วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
          นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
          ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
          นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน    
รายงานวันนี้     
CPF ราคาหมูเวียดนามใกล้ทำสถิติใหม่
          เราประเมินกำไรสุทธิของ CPF ใน 3Q19 อยู่ที่ 4.65 พันล้านบาท ลดลง 5% YoY แต่เพิ่มขึ้น 13% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษคาดกำไรหลักที่ 3.5 พันล้านบาท ลดลง 9% YoY และ 14% QoQ ซึ่งถูกดดันจากราคาหมุเวียดนามที่ลดลง (ช่วงที่มีการดัมพ์ราคา), และยอดขายที่ปรับตัวลดลงจากบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ตาม ราคาหมูเวียดนามปรับตัวขึ้นมากว่า 20-30% ในช่วงเวลาครึ่งเดือนมาที่ VND55,000-60,000/kg ใกล้สถิติที่เคยทำไว้เมื่อ ก.ค. ปี 2011 ที่ VND61,793/kg จากผลกระทบของ ASF และการดัมพ์สินค้าเข้ามาในตลาดของผู้ประกอบการรายเล็กในช่วงก่อนหน้านี้ เรายังคงคาดว่าจะเห็นการฟนตัวต่อเนื่องของราคาหมูทั้งไทยและเวียดนามในปี 2020 จากผลกระทบของ ASF เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ที่ราคาเปาหมาย 35.50 บาท
          มุมมองกลยุทธ์: กำไร 3Q19 ที่ถูกกดดันจากค่าเงิน และราคาหมูเวียดนาม คาดจะเป็นปัจจัยกดดันให้ราคาหุ้นเล่นได้เพียง sideway ในระยะสั้น เราแนะย่อซื้อ หรือหาจังหวะซื้อหลังงบออก
กลุ่มสื่อ โบกมือลา 7 ช่อง
          เม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในเดือน ก.ย. พลิกกลับมาติดลบเล็กน้อย (0.3% YoY) นำโดยกลุ่มสื่อดั้งเดิม เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อทีวี ในขณะที่สื่อนอกบ้านยังคงเติบโตได้ดี ภาพของเม็ดเงินยังคงอยู่ในกรอบที่เราคาดไว้ว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก แต่การฟนตัวก็เป็นไปในกรอบจำกัด เนื่องจากความมั่นใจรวมถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงฟนตัวได้ค่อนข้างช้า สำหรับประเด็นการคืนช่อง ทั้ง 7 ช่องได้มีการยุติการออกอากาศเรียบร้อยแล้วครบทั้งหมดในเดือน ก.ย. ซึ่งส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณาของทั้ง 7 ช่องก่อนห้นานี้อยู่ที่ 3-4% แต่เม็ดเงินโฆษณาในสื่อทีวีปรับตัวลดลงเพียงเล็กน้อย เราคาดว่าเม็ดเงินโฆษณาจาก 7 ช่องดังกล่าวส่วนใหญ่ได้มีการโยกไปในช่องที่เหลือ เรายังคงชอบสื่อนอกบ้านทั้ง VGI และ PLANB รวมถึง RS ที่มีธุรกิจขายสินค้าเป็นตัวหนุน
          มุมมองกลยุทธ์: แนะนำ ซื้อสื่อที่เป็นกลุ่มที่กำไรยังเติบโตได้ดีอย่างสื่อนอกบ้านทั้ง VGI และ PLANB ในช่วงที่หุ้นกำลังพักฐาน และทยอยสะสม RS ที่ราคาหุ้น Laggard สุดในกลุ่ม
GFPT  เหตุการณ์ไฟไหม้โรงงาน
          ภายใต้สมมติฐานว่าต้องหยุดไลน์การผลิต 2 ไลน์ไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน เราประเมินเป็น 2 กรณีได้แก่
          1) กรณีเลวร้ายที่สุดได้แก่ ทั้ง 2 ไลน์การผลิตหยุดการผลิตไปเลย 6 เดือน เราประเมินว่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายคิดเป็น 595 ล้านบาท (หรือกระทบยอดขาย 3.3% และกระทบกำไรสุทธิคิดเป็น 48 ล้านบาท (หรือกระทบกำไรสุทธิ 3.2% หากใช้สมมติฐาน NM เท่ากับ 8%)
          2) กรณีที่เป็นไปได้ ได้แก่ ทั้ง 2 ไลน์การผลิตที่หยุดการผลิตไปนำเอาออเดอร์ไปให้กับบริษัทร่วมซึ่งได้แก่ แม็คคีย์หรือจีเอฟเอ็น ทำการผลิตแทน ซึ่งถ้าเป็นในกรณีนี้จะได้ราคาขายที่ลดลงอีก 15 บาทต่อกก. ซึ่งคิดเป็นผลกระทบต่อยอดขายที่หายไป 6 เดือนคิดเป็น 72 ล้านบาท หรือกระทบต่อยอดขายคิดเป็น 0.4% และกระทบต่อกำไรสุทธิคิดเป็น 6 ล้านบาทหรือกระทบกำไรสุทธิ 0.4%
          เราประเมินว่าผลกระทบทางลบดังกล่าวจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ถือว่าไม่มีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานของ GFPT แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เราอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการกำไรทั้งปีเพื่อสะท้อนการคาดการณ์กำไร 3Q19 ที่มีแนวโน้มออกมาแย่กว่าคาด (เนื่องจากวอลุ่มส่งออกที่ถูกลูกค้าชะลอการสั่งซื้อออกไปเนื่องจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจากลูกค้าญี่ปุนและอียู)
          มุมมองกลยุทธ์: ถึงแม้ผลกระทบจากเหตุการณ์ไปไหม้จะไม่มีนัยยะ แต่แนวโน้มผลประกอบการ 3Q19 ที่อาจออกมาผิดหวัง แนะรอให้ตลาดมีการทำ preview งบ ให้รับรู้ในราคาหุ้นก่อน แล้วจึงหาจังหวะเข้าซื้อ
หุ้นมีข่าว
MARKET
          */- มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 32 (TAS 32) ซึ่งเป็นฉบับใหม่มาใช้ในปีหน้า จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนไทยขนาดใหญ่ที่ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) จะถูกจัดประเภทใหม่จากตราสารทุนมาเป็นหนี้สินในงบการเงินแทน ซึ่งอาจส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) เพิ่มขึ้น จนทำให้เกิดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง และในที่สุดทำให้ต้นทุนทางการเงินสูงตามไปด้วย (ที่มา อินโฟเควสท์)   
          บจ. อื่นที่ออก Perpetual bond ได้แก่ CPF TU MINT ANAN IVL PTTEP PF CPALL / BGRIM กำลังจะออก
อสังหาฯ
          * สต็อกล้น 1.5 แสนยูนิต อัตราดูดซับต่ำสุดรอบ 5 ปี-ส่อฉุดตลาดปี 63 ติดลบ"ดีเวลลอปเปอร์" แนะ ผุดโครงการเน้นคุ้มค่า เตือนอย่าเล่นสงครามราคา ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯเผย อสังหาฯซัพพลายเหลือขายสูง 1.5 แสนหน่วย 6.6 แสนล้านบาท นิวไฮ 5 ปี เป็นคอนโดเหลือขาย 6.4 หมื่นหน่วย คอนโดกำลังสร้าง เตรียมเข้าสู่ตลาดกว่า 2 หมื่นหน่วยซ้ำเติมสถานการณ์ ขณะอัตราดูดซับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง ส่อฉุดตลาดปี 63 นักอสังหาฯแนะทางรอดดันโครงการคุ้มค่า จับราคา 1.5-5 ล้าน แนวรถไฟฟ้าสายใหม่ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
AOT  
          + ทอท.จ่อเปิดขายซอง ชิงดิวตี้ฟรีดอนเมือง 24 ต.ค.นี้ มอบสัมปทานบริหาร 10 ปีครึ่ง มั่นใจเอกชนร่วมประมูลคึกคัก หวังไม่ต่ำ 5 ราย ชี้ "ซีพีเอ็น"เข้าร่วมชิงไม่ได้ เหตุมีข้อพิพาทคดีเซ็นทรัลวิลเลจ (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)    
CPW
          * CPW หุ้นน้องใหม่ จำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ภายใต้ร้าน I Studio by Copper wired พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดวันนี้ IPO @ 2.38 บาท (ที่มา ทันหุ้น)
THCOM   
          + "ไทยคม" พร้อมรับมือดาวเทียมหมดสัญญาสัมปทาน ทั้งการทำ"พีพีพี" และ "การใช้ดาวเทียมต่างชาติ" หลังกฏหมายเปิดเสรีต้นปีหน้า คาดจับมือพันธมิตรต่างชาติไม่เกินกลางปี 2563 พร้อมเดินหน้าให้บริการใหม่ ยันคลื่น 3600 เมกะเฮิรตช์ มีลูกค้าใช้งาน 10 ล้าน ครัวเรือน หาก กสทช.เรียกคลื่นคืนนำคลื่น ไปใช้ 5จี ต้องจ่ายเงินเยียวยา (ที่มา กรุงเทพธุรกิจ)
IVL
          0 ทริสเรทติ้ง" จัดอันดับเครติตหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่ ระดับ "A" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หลังเตรียมออกและเสนอขายมูลค่าไม่เกิน 15,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ย.นี้ ชูดอกเบี้ย 5 ปีแรก 5% ต่อปี (ที่มา ข่าวหุ้น)
Trend Forecasting
SET Index ปิด 1,632.80 (-0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 6 หมื่นล้านบาท
แนวโน้มระยะสั้นมอง
          SET Index แนวรับ 1,630 แนวต้าน 1,645/ SET100 รับ 2,395 ต้าน 2,415 BSET100 รับ 10.62 ต้าน 10.70 / BMSCITH รับ 11.88 ต้าน 11.98
หัวข้อ: SET Index เริ่มแผ่ว...ยังลุ้นขึ้นต่อได้หรือไม่!
กลยุทธ์เทคนิค:
          ดัชนีเริ่มแผ่วหลังจากบวกมาตลอด 3 วัน อัพเดทโครงสร้างดัชนีภาพยังเหมือนเดิมคือลุ้นไปต่อ หลังจากทะลุผ่านด่านแนวต้านสำคัญ ตลาดน่าจะอยู่ในโหมดวิ่งขึ้นมาได้ระยะนึงแล้วพักให้หายเหนื่อยเพื่อวิ่งใหม่ วันนี้จะเพิ่มIndicator อีก 1 อันซึ่งเพิ่งเกิดสัญญาณกลับตัวสดๆร้อนๆ คือ Directional Index (DI) ปัจจุบันเกิดสัญญาณ + เกิดขึ้นแล้วจะเป็นอย่างไร...ย้อนกลับไปดูภาพอดีตเมื่อเดือน 6 ก็ขึ้นไปได้เยี่ยมเลยทีเดียว ในทางกลับกันหากเกิดตรงข้ามก็ลงยาวๆเช่นกัน ส่วนใหญ่จะใช้วิเคราะห์บนแนวโน้มระยะกลางมากกว่า ส่วนมุมมองอื่น ค่าความผัวผวนของตลาดเป็นอย่างไร ตัวเลขมหัศจรรย์ Fibo ชี้ตำแหน่งแนวรับ-ต้านบริเวณใด...ติดตามต่อด้านล่างพร้อมภาพประกอบหน้า 2 ได้เลยครับ   
มุมมองทางเทคนิค:
          Fibonacci retracement  แสดงตำแหน่งแนวรับ-ต้านของดัชนี แม้จะปรับตัวลงแต่ยังคงปิดเหนือตำแหน่งแนวรับ 23.6% ยืนได้ลุ้นเปาหมายถัดไปจะอยู่ที่ 38.2% = 1650 จุด หากดัชนียังแรงขึ้นต่อก็ไปถึงแนวต้านถัดไปที่ 1670 จุดนั่นเอง อีกด้านหนึ่งเรามาวัดความผันผวนของดัชนีจาก Market Monitor ปัจจุบันพบว่าขึ้นมาได้กลางทาง ยังไม่ถึงกับโซนต้องระวัง (Red Zone) ส่วนคำถามหัวข้อด้านบน ขอตอบว่าดัชนีเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างเป็นขาขึ้น แต่เพื่อความไม่ประมาท ขอใส่ Trailing stop กันเหนียวไว้ที่ 1625 จุด
วิธีการเลือกหุ้น:
          โครงสร้างกำลังเข้าสู่จุดกลับตัวเป็นขาขึ้นแนะใช้เครื่องมือทางเทคนิคจับจังหวะการเทรดได้แม่นย้ำเหมาะกับภาวะตลาดในปัจจุบัน เช่น EMA, Stochastic, MACD, Volume , Price pattern
          *1-month high * Utility, Finance, ICT, Transport sectors  
โมเดลพอร์ตทางเทคนิค:
          สรุปผลตอบแทนการลงทุน Year to date +11.12% สูงกว่าตลาดที่ +4.51%  
          *Addition(หุ้นเพิ่ม): TRUE  
          *Deletion(หุ้นออก): STEC,IVL, ADVANC, SPCG, JWD
          หุ้นคงเหลือ:  BGRIM, CPALL, MTC, CPF, AOT, M, TFG, KKP, MONO, EPG, STPI ,RS
          ธนรัตน์ อิศรกุลนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์และปัจจัยทางเทคนิค                                                     
          This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. +662-618-1334
Track with Technical: "Buy signal"
          CPALL (CPAL01C1911A)
          แนวโน้ม จังหวะซื้อเพิ่ม
          รับ 81.00
          ต้าน 88.00
          เหตุผล โครงสร้างกลับตัว Double bottom มาพร้อมกับ MACD ตัดเส้น signal line คล้ายรูปแบบในอดีต
          TRUE (TRUE01C1911A)
          แนวโน้ม ขึ้นตามพรรคพวก
          รับ 5.20
          ต้าน 6.00           
          เหตุผล สู้บนแนวรับสำคัญ 6 บ. ขณะที่ RSI แสดงจุดซื้อประเมินทิศทางฟนตัวจากการลงแรง   
          M
          แนวโน้มธงกระทิง
          รับ 7.00
          ต่อต้าน 82.00
          เหตุผลโครงสร้างขาขึ้นธง Bullish ยืนยันด้วยราคาทะลุสูงระยะสัปดาห์เปาหมายถึงจะได้ใกล้เคียงกับรอบแล้ว 82  
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!