หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน
 
• หุ้นที่เปลี่ยนคําแนะนําทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : -- ภาวะตลาดและปัจจัย : SET วานนี้ +11.15 จุด ปิดที่ 1669.79 จุด มูลค่าการซื้อขายลดลงเป็น 59.9 พันล้านบาท ดัชนีฯบ้านเราปรับขึ้นสอดคล้องกับภูมิภาค หลัง สถานการณ์Brexit อังกฤษและฮ่องกงผ่อนคลาย ราคาน้ํามันพุ่งหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน และมีข่าวไทยอาจได้ปรับเครดิตเพิ่มจากมูดี้ส์ ผู้ขายสุทธิคือ รายย่อย 2.1 พันล้านบาท ต่างชาติขายเล็กน้อย ส่วนซื้อสุทธิเป็น สถาบัน 2.1 พันล้านบาท และโบรกเกอร์ ซื้อเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นเดือนถึงปัจจุบันต่างชาติขายสุทธิเป็น 1.9 พันล้าน บาท ด้านแนวโน้มตลาดและกลยุทธ์คือ # ปัจจัยสําคัญ: มองบวกเจรจาการค้า วันนี้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 หนุน SET ต่อ จะมีการเจรจาอีกครั้ง ต.ค.62 ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะจ้างงานเอกชนดี ครม.เศรษฐกิจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ เน้นลงทุน ส่งออก ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านบวกถ้วนหน้าแต่อัตราไม่มาก
 
ดาวโจนส์ ล่วงหน้าปรับขึ้น ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรวันนี้ ไม่เกิด IYC บอนด์ยิลด์เพิ่ม มีเงินไหลออก # ระยะสั้นคาด SET- มีโมเมนตัมปรับขึ้นได้ต่อจากวานนี้ หลังมีปัจจัยบวกหนุน คาดซื้อขายในกรอบ 1660-1680 จุด ปัจจัยไม่แน่นอนยังเป็นการเจรจา การค้าจีน-สหรัฐ แต่ข่าวหนุนคือ ครม.เศรษฐกิจจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการลงทุน ส่งออก ท่องเที่ยววันนี้ และเฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย 1718 ก.ย. น่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง และ กนง.ประชุม 25 ก.ย.จะลดดอกเบี้ยอีกหรือไม่ คาดว่าหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะแกว่งตัวขึ้นดี
 
กลยุทธ์ คือ เลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มและรายตัว (Selective) แนวต้านเป็น 1680-1690 จุด แนวรับอยู่ที่ 1610-1580 จุด สําหรับการลงทุนทยอยซื้อสะสม กลุ่มหลักทรัพย์ที่ แนะนํา มีพื้นฐานแข็งแกร่ง หาจังหวะทยอยสะสมได้ คือ โรงกลั่น- TOP พาณิชย์- CPALL, BJC ท่องเที่ยว- ERW,MINT ขนส่ง AOT,BEM,BTS อาหาร CPF,TU,TKN สื่อสาร- ADVANC ธนาคาร,ไฟแนนซ์- KKP,TISCO, AEONTS,MTC การแพทย์- RJH,CHG นิคมฯ- AMATA, WHA ที่อยู่อาศัย- AP, ORI กลุ่ม REITs,IFF- AIMIRT,DREIT,HREIT,DIF และสื่อ- VGI # Stock Pick Today : DIF กองทุนมีความมั่นคงมากขึ้นหลังซื้อสินทรัพย์รอบใหม่ โดยสินทรัพย์กระจายตัวในเชิงพื้นที่มากขึ้น, มีสิทธิบริหารเฉลี่ยเหลือยาว 19 ปี, ผู้ เช่าหลักของกองทุน คือ กลุ่ม TRUE เป็นหนึ่งในผู้นําธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคมของไทย คาดเงินปันผลไม่ลดลงจาก 1.04 บาท/หน่วย (จ่ายทุกไตรมาส) ณ ราคา ปัจจุบัน 17.60 บาท คิดเป็น Dividend yield 5.9% ในเชิงกลยุทธ์แนะนําซื้อลงทุน โดยฝ่ายวิจัยฯ DBS ประเมินราคาพื้นฐานหลังเพิ่มทุนไว้ที่ 19.40 บาท (DCF, WACC 5.8%, TG 1.5%)
 
การวิเคราะห์ทางเทคนิค ระยะสั้น สัญญาณ Candlestick & Indicators เป็นบวก แบบพร้อมเปลี่ยนเป็นลบตามมา {“ปิดบวก”เหนือ“SMA10 วัน”ต่อ (แต่ติด“แนว ต้านสําคัญ” และถูกกดดันจาก“โครงสร้างขาลง – ระยะกลาง”)} ชี้ความน่าจะเป็นของตลาดฯวันนี้“แกว่ง”แบบมีรีบาวด์ฯสั้นๆก่อน(แล้วจึงลงต่ํา,ตามมา)ได้ แนวต้าน 1680 (หรือ 1690) จุด {แนวตัดขาดทุน “ต่ํากว่า 1650” (แนวรับย่อย “1610 / 1590 – 1580” จุด} สําหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทํา New high ที่เข้ามาใหม่เป็น KBANK,SAWAD,TOA,ANAN,TU,RPH ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก้ SISB,FPT,ROJNA,GLOBAL หุ้นที่ หลุด List คือ BGRIM,JWDและที่ให้หาจังหวะTake profit TOP,MINT,AOT
 
 
Thailand Research Team : reseach-th.dbs.com

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!