หมวดหมู่: หุ้นเด่นวันนี้
SET33
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาค เหตุกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอ-ยังมีความไม่แน่นอนฟอร์มทีมรัฐบาล
 
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะปรับตัวลงกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ปรับตัวลงแรง จากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังจากที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตทั้งของสหรัฐฯ และยุโรป ออกมาในทิศทางชะลอ
 
ส่วนบ้านเราหลังผลการเลือกตั้งออกมาแล้วก็ผิดไปจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในการฟอร์มทีมรัฐบาล ซึ่งจะต้องมีการคาดเดากันต่อไปได้อีก และต้องติดตามดูว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีเสถียรภาพหรือไม่ด้วย
 
อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะยังไม่ปรับตัวลงมาก เนื่องจากยังมีลุ้นการทำ Window Dressing ก่อนปิดงบฯไตรมาส 1/62 พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,660 จุด
 
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,502.32 จุด ลดลง 460.19 จุด
(-1.77%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,800.71 จุด ลดลง 54.17 จุด (-1.90%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.67 จุด ลดลง 196.29 จุด (-2.50%)
 
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 359.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 45.35 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 611.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 103.95 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 28.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 41.60 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 19.08 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ลดลง 51.41 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 14.52 จุด
 
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 มี.ค.62) 1,646.29 จุด เพิ่มขึ้น 12.29 จุด (+0.75%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,293.24 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 มี.ค.62
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 มี.ค.62) ปิดที่ 59.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.6%
 
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 มี.ค.62) ที่ 4.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.66 แข็งค่าสวนทางภูมิภาคหลังการเมืองชัดเจน แต่ยังจับตาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่-ปัจจัยตปท.
- ผลการเลือกตั้งส.ส.พบพรรคเพื่อไทย-พลีงประชารัฐ แข่งกันสูสีผลัดกันนำ ด้าน"อภิสิทธิ์"ประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ หลังเก้าอี้ ส.ส.ของพรรคลดฮวบ 'กทม.' สูญพันธุ์ ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ มาแรง กวาดส.ส.อื้อ หักปากกาเซียน ด้านกกต.แถลงความคืบหน้าผลการเลือกตั้งช่วงบ่ายวันนี้
 
- ก.ล.ต. เผยอยู่ระหว่างศึกษา ให้บริการก็อบปี้เทรด หลังสมาคมโบรกเกอร์เสนอ หวังเป็นช่องทางการเรียนรู้ให้นักลงทุน ชี้หากประเมินเหมาะสมทำได้ คาดเฮียริ่งเกณฑ์กำกับดูแลไตรมาส 3 พร้อมเตรียมประกาศบังคับใช้เกณฑ์โปรแกรมเทรดดิ้ง-พอร์ตโฟลิโอ แอดไวเซอรี่ เม.ย.นี้
 
- "พาณิชย์" เตรียมพร้อมรับมือสหรัฐฯ ใช้มาตรา 232 ขึ้นภาษีสินค้ายานยนต์และชิ้นส่วน หลังรายงานเรื่องนี้ถูกส่งถึงมือ "ทรัมป์" แล้ว คาดภายใน พ.ค.นี้ รู้ผลตัดสินจะออกมาแบบไหน เล็งยึด 2 แนวทาง ขอยกเว้นภาษีทั้งประเทศและเป็นรายบริษัทเหมือนกับที่ทำสำเร็จกับสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม
 
- ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยถึงผลการประกอบกิจการและขยายกิจการในช่วงไตรมาสแรกของปี 62 ว่า มูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 125,340.80 ล้านบาท โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 79.31% ที่มีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ 69,900.43 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ประกอบการมีความมั่นใจในนโยบายของรัฐบาลด้านการส่งเสริมการลงทุน
 
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากผ่านการเลือกตั้งไปแล้ว 2-3 เดือน รัฐบาลปัจจุบันยังคงขับเคลื่อนงานเศรษฐกิจสำคัญ 2 เรื่องหลัก คือ การขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคใต้ หรือ เอสอีซีซึ่งทั้ง 2 โครงการ ถือเป็นโครงการที่สำคัญกับการต้องวางรากฐานไว้สำหรับการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
 
*หุ้นเด่นวันนี้
- STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะ"ซื้อ"เป้า 28.50 บาท งานประมูลโครงการใหญ่ๆที่รัฐบาลปัจจุบันพยายามผลักดัน จะได้เห็นต่อเนื่องหลังผลเลือกตั้งเบื้องต้นชัดเจน ด้าน Backlog มีสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท โดดเด่นกว่ากลุ่ม และหวังงานใหม่กว่า 3 หมื่นล้านบาท จากทางด่วนพระราม 3 รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ สนามบินอู่ตะเภา เป็นต้น ส่วนฐานะการเงินแกร่ง คาดกำไรปกติ +22% เป็น 1.58 พันล้านบาท ปัจจุบันมี PE 22x คิดเป็น PEG 1x ต่ำกว่าในอดีตที่ 1.3-1.5x
 
- EA (กรุงศรี) แนะ "ซื้อ"เป้า 63 บาท  คาดกำไรสุทธิ Q1/62 พุ่งทำ All time high ต่อเนื่องรับข่าวดีโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมาน 1 และ 8 กำลังการผลิตรวม 90MW เริ่ม COD ตั้งแต่ 25 ม.ค. ขณะที่ปลายเดือน มี.ค.จะเริ่มการผลิตโครงการใหม่อีก 170MW
 
- INTUCH (กสิกรไทย) แนะ"ซื้อ" ราคาพื้นฐาน 64.39 บาท มีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมของ INTUCH ในปี 62-64 เพราะ 1) โอกาสที่ ADVANC จะมีการจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ที่สูงขึ้น จากการแข่งขันที่ลดลง และการขยายกรอบเวลาการชำระคลื่น 900 MHz 2) ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง THCOM และรัฐบาลชุดใหม่อาจช่วยขจัดความเสี่ยงด้านความต่อเนื่องของธุรกิจได้ และ 3) ปัจจัยบวกทั้ง 2 ที่มีโอกาสช่วยปลดล็อคมูลค่าของ INTUCH ผ่านส่วนลดของบริษัทโฮลดิ้งที่ลดลงในแง่ของมูลค่าเชิงรวมส่วนธุรกิจ (SOTP) และคิดลดเงินปันผล (DDM)
 
--อินโฟเควสท์
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!